1. ล้างแผลด้วยน้ำและสบู่
ไม่ควรใช้เหล้า ยาสีฟัน ขี้เถ้าทาแผล หรือสมุนไพรใดๆ
2.
บีบเลือดออกจากแผลให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ไม่ควรใช้ปากดูดหรือเปิดปากแผลด้วยของมีคม
3. การรัด
ควรรัดเหนือและใต้บาดแผลประมาณ 3 นิ้วมือ ไม่ควรรัดเหนือบาดแผลให้แน่นมาก
เพราะจะทำให้อวัยวะส่วนปลายขาดเลือดและเน่าตาย ควรคลายความแน่นพอสอดนิ้วมือได้ 1
นิ้ว และทุก 15-20 นาที ควรคลายเชือกหรือสายรัดออกประมาณ 1 นาที
จนกว่าจะถึงโรงพยาบาล
4. ใช้ผ้าสะอาดห้ามเลือดด้วยการกดแผลโดยตรง
ถ้าสามารถใช้แอลกอฮอล์หรือเบต้าดีนทาแผลได้ก็จะเป็นผลดีต่อการทำลายเชื้อโรคต่างๆ
5. พยายามเคลื่อนไหวร่างกายให้น้อยที่สุด
เพราะหากเคลื่อนไหวมาก จะทำให้พิษของงูเข้าสู่กระแสเลือดเร็วขึ้น
6. วางอวัยวะส่วนนั้นให้ต่ำกว่าหรือระดับเดียวกับหัวใจ
7. รับประทานยาแก้ปวดหากรู้สึกปวด
แต่ห้ามใช้ยาที่มีฤทธิ์แอลกอฮอล์ ยาระงับประสาท ยานอนหลับ ยาดองเหล้า เป็นต้น
8. รีบนำผู้ป่วยส่งสถานพยาบาลใกล้บ้าน
ไม่จำเป็นต้องนำซากงูมาให้แพทย์ตรวจดูว่าเป็นงูประเภทใด
เนื่องจากอาจจับได้ในบริเวณใกล้เคียงซึ่งไม่ใช่เป็นตัวที่กัด
ปัจจุบันใช้การดูรอยกัดและลักษณะแผลเพื่อกำหนดการใช้เซรุ่มต้านพิษงูฉีดให้เหมาะสม
9. ให้ระลึกเสมอว่างูที่กัดทุกตัวเป็นงูมีพิษ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น