โรคลมปัจจุบัน คือ ภาวะสมองขาดเลือด
เกิดเนื่องจากระบบไหลเวียนเลือดในสมองผิดปกติทำให้สมองขาดเลือดมาหล่อเลี้ยง
และหารปล่อยให้สมองขาดสารอาหารที่จำเป็นนานติดต่อกันถึง 4 นาทีเซลล์สมองจะเริ่มตาย
ต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที
โรคลมปัจจุบัน มี 2 ประเภท
อัมพฤกษ์
เกิดจากการเป็นโรคท่อเลือดแดงและหลอดเลือดแดงแข็ง ซึ่งเกิดจากการมี “ตะกรัน” คอเลสเตอรอลมาเกาะที่ผนังหลอดเลือดแดงจนหนาขึ้น
เลือดไหลเวียนได้ช้าลง และส่งผลให้ลิ่มเลือดมาอุดตันได้ง่าย เรียกว่า อัมพฤกษ์ หรือ ทีไอเอ (TIA:transient ischemic attack) คือเป็นอัมพาตชั่วขณะ อาการจะเป็นอยู่ช่วงสั้นๆ
เพราะขณะที่เกิดอาการดังกล่าว ร่างกายจะหลั่งเอนไซม์บางชนิดออกมา
ทำให้ลิ่มเลือดละลายจนเลือดสามารถไหลเวียนได้สะดวกเหมือนเดิม
อัมพาต
สาเหตุเกิดจากหลอดเลือดในสมองแตกหรือฉีกจาดบางส่วน
จนเกิดเลือดคั่งบริเวณเนื้อเยื่อสมอง ทำให้เนื้อเยื่อสมอง (ส่วนที่เลือดนั้นไปเลี้ยง)
ถูกทำลาย และทำให้เซลล์สมองส่วนอื่นถูกทำลายไปด้วยได้เพราะขาดเลือดไปหล่อเลี้ยง
ปัจจัยเสี่ยง ที่ควบคุมได้ ได้แก่
ปัจจัยเสี่ยง ที่ควบคุมได้ ได้แก่
1.ความดันโลหิตสูง เป็นสาเหตุของโรคลมปัจจุบันประมารร้อยละ 40 ในที่นี้หมายถึงคนที่มีค่าความดันช่วงบน มากกว่า 140
มิลลิเมตรปรอท และมีค่าความดันช่วงล่าง มากกว่า 90 มิลลิเมตรปรอท
2.การสูบบุหรี่ มีโอกาสเป็นมากกว่าคนที่ไม่สูบบุหรี่ถึงร้อยละ 50
3.โรคหัวใจ นอกจากโรคท่อเลือดแดงและหลอดเลือดแข็งที่ทำให้เป็นโรคลมปัจจุบันได้แล้ว
โรคเสี่ยงอื่นๆ คือ โรคหัวใจล้มเหลวเลือดคั่ง ภาวะหัวใจล้ม
โรคลื้นหัวใจรั่วเฉียบพลัน หรือเคยผ่าตัดใส่ลิ้นหัวใจเทียม
และหัวใจห้องบนเต้นแผ่วระรัว
4.อัมพฤกษ์ ร้อยละ 15-20 ของผู้ป่วยที่เป็นโรคลมปัจจุบันมักจะเคยเป็นอัมพฤกษ์มากก่อนอย่างน้อยหนึ่งครั้งขึ้นไป
ยิ่งเป็นอัมพฤกษ์มากบ่อยเท่าไหร่
โอกาสที่จะเสียชีวิตจากโรคลมปัจจุบันมากขึ้นเช่นกัน
5.โรคเบาหวาน ทำให้คนเสี่ยงเป็นโรคลมปัจจุบันมากขึ้นถึงสองเท่า
6.ระดับคอเลสเตอรอลในเลือดผิดปกติ เลือดมีโปรตีนไขมันความหนาแน่นต่ำปริมาณมาก (แอลดีแอล)
โอกาสที่จะเป็นโรคท่อเลือดแดงและหลอดเลือดแข็งก็จะมากขึ้น
แต่ถ้าเลือดมีโปรตีนไขมันความหนาแน่นสูงปริมาณมาก (เอชดีแอล)
โอกาสที่จะเป็นโรคนี้ก็น้อยลง เพราะโปรตีนไขมันชนิดหลังจะป้องกันไม่ให้ “ตะกรัน” ไปเกาะตามผนังหลอดเลือด
สังเกตสัญญาณเตือน
1.มีอาการชาหรือกล้าเนื้ออ่อนแรงตามใบหน้า
เคลื่อนไหวแขนหรือขาซีกใดซีกหนึ่งไม่ได้
2.ตามัว เห็นภาพซ้อน
หรือมองไม่เห็นเลยทันที และเป็นเฉพาะกับตาข้างใดข้างหนึ่ง
3.พูดได้หรือพูดลำบาก
หรือฟังคนอื่นพูดไม่รู้เรื่อง
4.ปวดศีรษะอย่างรุนแรงเหมือน
“ฟ้าผ่า” ในทันทีโดยไม่ทราบสาเหตุ
5.ปวดศีรษะ วิงเวียน
หรือล้มลงทันที โดยเฉพาะเมื่อมีบางอาการข้างต้นเกิดขึ้นด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น