สิ่งแปลกปลอม หมายถึง เศษวัตถุ สารเคมี เมล็ดผลไม้
หรือวัตถุใดก็ตามที่เข้าสู่อวัยวะสำคัญของร่างกาย เช่น ตา หู คอ จมูกและกระเพาะอาหาร
ซึ่งเมื่อเข้าไปค้างอยู่ภายในอวัยวะเหล่านี้แล้ว เป็นเหตุให้เกิดอันตรายขึ้น
ซึ่งต้องให้การปฐมพยาบาลเพื่อนำสิ่งแปลกปลอมเหล่านี้ออกจากร่างกาย
การปฐมพยาบาล
กรณีสิ่งแปลกปลอมเข้าตาชนิดธรรมดา คือสิ่งแปลกปลอมที่เข้าไปในเปลือกตาหรือลูกตาทำให้เกิดความระคายเคือง เจ็บตา
และสิ่งแปลกปลอมนี้อาจจะเคลื่อนที่ไปได้
1. อย่าขยี้ตา
2. ลืมตาในน้ำสะอาด หรือล้างตาด้วยน้ำอุ่น หรือน้ำยาบอริค 3% หรือน้ำเกลือ
3. ถ้ามองเห็นสิ่งแปลกปลอมอยู่ให้เปิดเปลือกตาขึ้น ใช้มุมผ้าบาง ๆ ที่สะอาดหรือใช้สำลีพันปลายไม้เขี่ยออก
4. ถ้าสิ่งแปลกปลอมติดอยู่ในเปลือกตาบน ให้จับและดึงเปลือกตาบนด้วยนิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้ พับหนังตาบนด้วยไม้พันสำลี
บอกให้ผู้บาดเจ็บมองลงต่ำจะเห็นบริเวณเปลือกตา และดวงตาจากนั้นใช้ผ้าสะอาดเขี่ยสิ่งแปลกปลอมออก
5.
เมื่อสิ่งแปลกปลอมที่เข้าตาออกเรียบร้อยแล้วควรล้างตาด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำอุ่นปริมาณมากๆ
กรณีสิ่งแปลกปลอมเข้าตาชนิดฝังคาอยู่ในตา
สิ่งแปลกปลอมลักษณะนี้จะเคลื่อนที่ไม่ได้ เช่น สะเก็ดหิน
ผงเหล็ก
ซึ่งมีความแหลมคมฝังอยู่ในดวงตาส่วนใดส่วนหนึ่ง
การปฐมพยาบาล
1. อย่าขยี้ตาหรือพยายามเขี่ยสิ่งแปลกปลอมเอง
2. ให้หลับตาและใช้ผ้าก๊อซสะอาดปิดตาพันผ้าไว้เพื่อยึดไม่ให้เคลื่อนไหว
3. รีบนำส่งโรงพยาบาล
สิ่งแปลกปลอมเข้าหู (Foreign bodies in ears)
1. อย่าขยี้ตาหรือพยายามเขี่ยสิ่งแปลกปลอมเอง
2. ให้หลับตาและใช้ผ้าก๊อซสะอาดปิดตาพันผ้าไว้เพื่อยึดไม่ให้เคลื่อนไหว
3. รีบนำส่งโรงพยาบาล
สิ่งแปลกปลอมเข้าหู (Foreign bodies in ears)
กรณีสิ่งแปลกปลอมประเภทเศษวัตถุ
ได้แก่ ก้อนหิน ก้อนกรวด
เมล็ดพืช ลูกปัด กระดุม ฯลฯ มักพบในเด็ก ๆ
ที่ใส่เข้าไปโดยไม่รู้ถึงอันตรายว่าเป็นอย่างไร หรือเล่นกันและพบได้ในคนปัญญาอ่อน
การปฐมพยาบาล
1. อย่าพยายามใช้นิ้วมือหรือไม้แคะหู เพราะจะทำให้วัตถุเลื่อนลึกลงไป
2. ให้เอียงหูข้างนั้นต่ำลง หรือให้นอนตะแคงและกระตุกใบหูข้างนั้นมาก ๆ วัตถุจะเลื่อนออกมาเองได้
3. ถ้าวัตถุยังไม่ออกรีบส่งโรงพยาบาล
1. อย่าพยายามใช้นิ้วมือหรือไม้แคะหู เพราะจะทำให้วัตถุเลื่อนลึกลงไป
2. ให้เอียงหูข้างนั้นต่ำลง หรือให้นอนตะแคงและกระตุกใบหูข้างนั้นมาก ๆ วัตถุจะเลื่อนออกมาเองได้
3. ถ้าวัตถุยังไม่ออกรีบส่งโรงพยาบาล
กรณีสิ่งแปลกปลอมประเภทตัวแมลงต่างๆ
ได้แก่ ยุง แมลงสาบ ตัวหนอน เห็บ เหา มักพบได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ สิ่งแปลกปลอมเหล่านี้จะเคลื่อนที่ไปมาทำให้เกิดความรำคาญและเจ็บปวดอย่างมาก
อาการ ผู้บาดเจ็บจะรู้สึกอื้อรำคาญ
การได้ยินอาจเสียไปเล็กน้อย ในเด็กมักจะเอามือจับบริเวณหูหรือแคะหู
แมลงบางชนิดเช่น เห็บ
เหา แมลงอื่นๆ จะกัดทำให้มีเลือดออกหรือเจ็บปวดอย่างรุนแรง อาการปวดหูอาจเกิดจากการอักเสบของช่องหู
การปฐมพยาบาล
1. หยอดหูข้างนั้นด้วยน้ำอุ่นหรือน้ำมันมะกอกจนเต็ม เพื่อให้ตัวแมลงตาย และลอยขึ้นมา แต่ถ้าผู้บาดเจ็บมีประวัติว่าเป็นหูน้ำหนวกห้ามใช้น้ำหยอดเพราะจะทำให้เกิดการอักเสบ
2. ใช้ไม้พันสำลีที่สะอาด ทำความสะอาดหูข้างนั้น
3. ถ้าแมลงนั้นตายและไม่ลอยขึ้นมา อาจเป็นเพราะแมลงตัวใหญ่ ให้รีบส่งโรงพยาบาล
สิ่งแปลกปลอมติดคอ (Foreign bodies in throat)
1. หยอดหูข้างนั้นด้วยน้ำอุ่นหรือน้ำมันมะกอกจนเต็ม เพื่อให้ตัวแมลงตาย และลอยขึ้นมา แต่ถ้าผู้บาดเจ็บมีประวัติว่าเป็นหูน้ำหนวกห้ามใช้น้ำหยอดเพราะจะทำให้เกิดการอักเสบ
2. ใช้ไม้พันสำลีที่สะอาด ทำความสะอาดหูข้างนั้น
3. ถ้าแมลงนั้นตายและไม่ลอยขึ้นมา อาจเป็นเพราะแมลงตัวใหญ่ ให้รีบส่งโรงพยาบาล
สิ่งแปลกปลอมติดคอ (Foreign bodies in throat)
สิ่งแปลกปลอมในปากและคอ ในปากและคอจะพบสิ่งแปลกปลอมชนิดแหลมหรือมีคม
เช่น ก้างปลา ไม้กลัด
ลวดเย็บกระดาษ สิ่งเหล่านี้จะติดที่บริเวณโคนลิ้น
ผนังคอ ต่อมทอนซิลหรืออาจลึกลงไปถึงฝาปิดกล่องเสียง
(Epiglottis)
กรณีเจ็บบริเวณคอเวลากลืนน้ำลายหรืออาหาร รับประทานอาหารไม่ได้ ต่อมาอาการเจ็บอาจจะหายไปเนื่องจากสิ่งแปลกปลอมหลุดลงไปในกระเพาะอาหาร
กรณีสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่กล่องเสียงและหลอดลม สิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่กล่องเสียงและหลอดลม มักจะเป็นวัตถุที่ลื่น เช่น เมล็ดพืช กระดุม เศษอาหาร เหรียญต่างๆ ส่วนใหญ่สิ่งแปลกปลอมจะลงไปติดในหลอดลม ถ้าติดในกล่องเสียงผู้บาดเจ็บจะหายใจขัด ตัวเขียว และเสียชีวิตได้
กรณีสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่กล่องเสียงและหลอดลม สิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่กล่องเสียงและหลอดลม มักจะเป็นวัตถุที่ลื่น เช่น เมล็ดพืช กระดุม เศษอาหาร เหรียญต่างๆ ส่วนใหญ่สิ่งแปลกปลอมจะลงไปติดในหลอดลม ถ้าติดในกล่องเสียงผู้บาดเจ็บจะหายใจขัด ตัวเขียว และเสียชีวิตได้
การปฐมพยาบาล
1. ถ้าเป็นก้างปลาเล็ก ๆ ให้กลืนน้ำอึกใหญ่ ๆ ข้าวสุกเป็นก้อน ๆ ไม่ต้องเคี้ยว ขนมปังปอนต์หรือขนมสาลี ก็อาจจะหลุดไปเองได้
2. ถ้าไม่ออก อย่าพยายามเขี่ยหรือดึงออก
3. ถ้าเป็นเด็กเล็กๆ ให้ผู้ปฐมพยาบาลรีบจับลำตัวคว่ำ ห้อยศีรษะลงต่ำแล้วตบกลางหลังแรงๆ เพื่อให้ไอออกมา
4. ถ้าเป็นเด็กโตหรือผู้ใหญ่ ให้ยืนก้มตัวลงมาก ๆ ให้ห้อยหัวลง ผู้ปฐมพยาบาลเข้าข้างหลังใช้แขนซ้ายสอดครั้งเอวไว้ ใช้มือขวาตบกลางหลังแรงๆ อาจไอออกมาได้ หรือให้นอนคว่ำหรือตะแคงศีรษะต่ำ ผู้ปฐมพยาบาลตบหลังผู้ป่วยระหว่างไหล่ทั้งสองข้างให้แรงพอสมควร ถ้ายังติดอยู่หรือติดอยู่ลึก ควรส่งปรึกษาแพทย์
5. ถ้ามีการหายใจขัด หรือหยุดหายใจให้ช่วยหายใจ
1. ถ้าเป็นก้างปลาเล็ก ๆ ให้กลืนน้ำอึกใหญ่ ๆ ข้าวสุกเป็นก้อน ๆ ไม่ต้องเคี้ยว ขนมปังปอนต์หรือขนมสาลี ก็อาจจะหลุดไปเองได้
2. ถ้าไม่ออก อย่าพยายามเขี่ยหรือดึงออก
3. ถ้าเป็นเด็กเล็กๆ ให้ผู้ปฐมพยาบาลรีบจับลำตัวคว่ำ ห้อยศีรษะลงต่ำแล้วตบกลางหลังแรงๆ เพื่อให้ไอออกมา
4. ถ้าเป็นเด็กโตหรือผู้ใหญ่ ให้ยืนก้มตัวลงมาก ๆ ให้ห้อยหัวลง ผู้ปฐมพยาบาลเข้าข้างหลังใช้แขนซ้ายสอดครั้งเอวไว้ ใช้มือขวาตบกลางหลังแรงๆ อาจไอออกมาได้ หรือให้นอนคว่ำหรือตะแคงศีรษะต่ำ ผู้ปฐมพยาบาลตบหลังผู้ป่วยระหว่างไหล่ทั้งสองข้างให้แรงพอสมควร ถ้ายังติดอยู่หรือติดอยู่ลึก ควรส่งปรึกษาแพทย์
5. ถ้ามีการหายใจขัด หรือหยุดหายใจให้ช่วยหายใจ
สิ่งแปลกปลอมเข้าจมูก
(Foreign bodies in nose)
มักพบในเด็กโดยการสอดใส่เข้าไปเอง วัตถุแปลกปลอมที่พบบ่อยๆ ได้แก่ ยางลบ กระดุม เมล็ดผลไม้ ข้าวเปลือก ก้อนหิน เป็นต้น
มักพบในเด็กโดยการสอดใส่เข้าไปเอง วัตถุแปลกปลอมที่พบบ่อยๆ ได้แก่ ยางลบ กระดุม เมล็ดผลไม้ ข้าวเปลือก ก้อนหิน เป็นต้น
อาการ ถ้าติดอยู่ในรูจมูก ผู้บาดเจ็บจะมีอาการคัดจมูกมีน้ำมูกใส
ๆ และจามในระยะแรก นาน ๆ
เข้าจะมีสีเหลืองมีกลิ่นเหม็น เป็นแผลมีหนองและมีเลือดออก
ส่วนใหญ่มักพบข้างเดียว ในบางกรณีถ้าเป็นเศษเล็กและลื่น
อาจตกลงไปในกระเพาะอาหารหรือหลอดลม
การปฐมพยาบาล
1. อย่าใช้นิ้วหรือไม้แคะออก เพราะจะทำให้วัตถุนั้นเลื่อนลงไปอีก
2. ให้ปิดจมูกข้างหนึ่งแล้วสั่งแรง ๆ วัตถุนั้นก็อาจจะหลุดออกมาได้
3. ถ้าวัตถุนั้นอยู่ลึกมาก สั่งไม่ออก ให้รีบปรึกษาแพทย์ เพราะแพทย์จะได้ช่วยเอาออกโดยใช้เครื่องมือที่งอเป็นตะขอ (Nasal hook) เขี่ยออก
1. อย่าใช้นิ้วหรือไม้แคะออก เพราะจะทำให้วัตถุนั้นเลื่อนลงไปอีก
2. ให้ปิดจมูกข้างหนึ่งแล้วสั่งแรง ๆ วัตถุนั้นก็อาจจะหลุดออกมาได้
3. ถ้าวัตถุนั้นอยู่ลึกมาก สั่งไม่ออก ให้รีบปรึกษาแพทย์ เพราะแพทย์จะได้ช่วยเอาออกโดยใช้เครื่องมือที่งอเป็นตะขอ (Nasal hook) เขี่ยออก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น